Impact of the Selling of the last 2 or 3 Digit Lottery of the Government Lottery Bureau on People’s Savings Deposit in Bangkok Area
โดย นภัสวรรณ จิรเจริญเวศน์
ปี 2549
บทคัดย่อ (Abstract)
การศึกษา ผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่เกิดจากการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นการศึกษาถึงผลระทบต่อเงินออมของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ในประเด็นที่ว่าหลังจากเปิดให้มีการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นประชาชนให้ความสนใจซื้อสลากเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง และมีผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนในทิศทางใด และเป็นการศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ ที่มีผลต่อการซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศึกษาทัศนคติของประชาชนผู้ซื้อสลากในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวศึกษาพฤติกรรมการซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวและการศึกษาผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนผู้ซื้อสลากในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เกิดจากการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว3 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
โดยวิธีการศึกษา จะกำหนดขอบเขตด้านประชากร ประชากรในที่นี้ คือประชาชนทั่วไปที่ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 8 เขต โดยเป็นการสุ่มตัวอย่าง แบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่งเลือกพิจารณาจากย่านศูนย์การค้า และบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ซึ่งได้รับความนิยมในการซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โดยแบ่งเป็น 8 เขตเขตละ 50 คน ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 400 คน สถิติพื้นฐานในการวิจัย คือ อัตราส่วนร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสำหรับสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐาน คือIndependent t-test และ One Way ANOVA
ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 40-49 ปี สถานภาพสมรส โดยมีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ประกอบอาชีพค้าขาย / ธุรกิจส่วนตัว ซึ่งมีรายได้ต่อเดือน 15,001-20,000 บาท และรายจ่ายต่อเดือน 3,001-7,000 บาท จะมีเงินออมต่ำกว่า1,000 บาท สำหรับพฤติกรรมผู้ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว พบว่าก่อนที่มีการจำหน่ายสลากเลขท้าย2 ตัว 3 ตัว ประชาชนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดินโดยมีการ ซื้อทุกงวด และหลังจากมีการเปิดให้มีจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวขึ้น ปริมาณความถี่ในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดินลดลงจากเดิมเนื่องจากประชาชนหันมาซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว3 ตัว กันมากขึ้น และเป็นสาเหตุให้ประชาชนมีเงินออมลดลงจากเดิม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โดยประชาชนผู้เล่นมีแรงจูงใจการซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว คือชอบเสี่ยงโชค ซื้อตามผู้อื่น/สื่อมวลชน หาซื้อได้ง่าย และมีรางวัลแจ็คพ็อต ส่วนทัศนคติของ ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว คือ เด็กและเยาวชนซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว มากขึ้น การจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ทำให้การจำหน่ายหวยใต้ดินลดลง และการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว เป็นการมอมเมาประชาชน
ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ลักษณะทางประชากรศาสตร์ ซึ่งประกอบไปด้วย ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ได้แก่ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน รายจ่ายต่อเดือน และ เงินออมต่อเดือน ที่แตกต่างกันมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อสลากเลขท้าย2 ตัว 3 ตัว ของประชาชน แตกต่างกัน ส่วนเพศที่แตกต่างกันมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อสลากเลขท้าย2 ตัว 3 ตัวของประชาชน ไม่แตกต่างกัน สำหรับผลกระทบต่อเงินออมพบว่า อายุ ระดับการศึกษารายได้ต่อเดือน รายจ่ายต่อเดือน และ เงินออมต่อเดือนที่แตกต่างกัน มีผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนผู้ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว แตกต่างกันในทุกด้าน คือ ด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายรับด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายจ่าย และด้านการเปลี่ยนแปลงด้านเงินออม ส่วนเพศที่แตกต่างกัน มีผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนผู้ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว แตกต่างกันในด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายรับ และ ด้านการเปลี่ยนแปลงด้านเงินออม ส่วนด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายจ่ายไม่มีความแตกต่าง สำหรับสถานภาพ และ อาชีพที่แตกต่างกัน มีผลกระทบต่อเงินออมของประชาชนผู้ซื้อสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว แตกต่างกันในด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายจ่าย และ ด้านการเปลี่ยนแปลงด้านเงินออม ส่วนด้านการเปลี่ยนแปลงด้านรายรับไม่มีความแตกต่าง และสำหรับทัศนคติที่มีต่อการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 พบว่า เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพรายได้ต่อเดือน รายจ่ายต่อเดือน และ เงินออมต่อเดือน ที่แตกต่างกัน ทำให้ทัศนคติของประชาชนที่มีต่อการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว แตกต่างกัน