Factors that Affect Opinion on Product and Integrated Marketing Communication for Vehicle Light Bulb Accessories Type H4 in Bangkok
โดย อรรคพล ชูใจ
ปี 2550
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความคิดเห็นทางด้านผลิตภัณฑ์และการสื่อสารทางการตลาด ของหลอดไฟประดับยนต์แบบ H4 ในเขตกรุงเทพมหานคร ประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ เจ้าของรถยนต์ที่จดทะเบียนอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่สนใจซื้อหลอดไฟหน้ารถยนต์ประดับยนต์แบบ H4 โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการสำรวจจำนวน 400ตัวอย่างสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้การทดสอบสมมติฐานความแปรปรวนทางเดียวของประชากรมากกว่า 2 กลุ่มขึ้นไป (One-Way ANOVA: F-test)หากพบความแตกต่างจะทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยใช้วิธี Least Significant Difference(LSD)
ผลจากการศึกษาวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในครั้งนี้ เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงอายุ 24 ปีแต่ไม่ถึง 30 ปี ระดับการศึกษาขั้นสูงสุดส่วนใหญ่คือปริญญาตรี ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชนและเป็นโสด มีรายได้ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาท เลือกซื้อสินค้าจากงานMOTOR EXPO (เมืองทองธานี) ระยะเวลาในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า 15 นาทีแต่ไม่ถึง 30 นาทีเหตุผลที่ซื้อสินค้าเพราะคุณภาพ รู้จักตัวสินค้าจากงานแสดงสินค้า มีงบประมาณในการซื้อสินค้าไม่เกิน 500 บาท ความคิดเห็นทางด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า ผู้ใช้ที่ตอบแบบสอบให้ความสำคัญมากที่สุด คือด้านพลังงานโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.48 และให้ความสำคัญเรียงลำดับถัดมาดังนี้คือ ด้านคุณภาพและตราสินค้า,ด้านแสงสีและด้านสิ่งแวดล้อมต่อจากนั้นได้ศึกษาความคิดเห็นด้านการสื่อสารทางการตลาดพบว่า ผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบให้ความสำคัญมากที่สุด คือด้านประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.24 และให้ความสำคัญเรียงลำดับความสำคัญรองลงมาดังนี้คือด้านการส่งเสริมการขาย
ผลการวิเคราะห์สมมติฐานด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า เพศ ระยะเวลา และงบประมาณ ที่แตกต่างกันมีผลต่อความคิดเห็นด้านผลิตภัณฑ์ของหลอดไฟประดับยนต์ ที่แตกต่างกัน กับด้านการสื่อสารทางการตลาด พบว่า ระดับการศึกษา รายได้ ระยะเวลา ที่แตกต่างกัน มีผลต่อความคิดเห็นด้านการสื่อสารทางการตลาดของหลอดไฟประดับยนต์ ที่แตกต่างกัน