Efficacy of Wood Vinegar for Controlling Flea Beetle and Studies of Wood Vinegar Production and Utilization in Pathum Thani Province

โดย ประทีป น้อยเจริญ

ปี 2559

บทคัดย่อ

การเกษตรที่ลดการใช้สารเคมีกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน สารที่ถูกเลือกใช้ทดแทนสารเคมีที่นิยมอย่างหนึ่ง คือ น้ำส้มควันไม้ มีหน่วยงานต่างๆหลายแห่งให้คำแนะนำวิธีการใช้และส่งเสริมการใช้น้ำส้มควันไม้ แต่ยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับและการใช้จริงของเกษตรกร การวิจัยนี้วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ในการควบคุมด้วงหมัดผักในแปลงปลูกคะน้า ตลอดจนการศึกษาการผลิตและการใช้ประโยชน์ จากน้ำส้มควันไม้ ในจังหวัดปทุมธานีในการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ ในสภาพแปลงเพื่อการควบคุมด้วงหมัดผักในคะน้าวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Complete Randomized Design ; CRD) สิ่งทดลองเป็นความเข้มข้นของน้ำส้มควันไม้ต่อน้ำ ในอัตราส่วนดังนี้ 1:50 1:100 1:150 1:200 1:300 1:500 1:750 และ 1:1000 สิ่งทดลองควบคุม คือ น้ำเปล่า และสารเคมีกำจัดแมลงโพรฟีโนฟอส อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ท้าการทดลอง 3 ซ้ำฉีดพ่นสารทุก 7 วัน ตรวจนับจำนวนด้วงหมัดผักที่ติดอยู่บนกับดักกาวเหนียวสีเหลือง จำนวน 20 แผ่นต่อแปลงก่อนการฉีดพ่นทุกครั้ง พร้อมกับบันทึกความสูงและน้ำหนักสดของคะน้าหลังตัดแต่ง วิเคราะห์หาความแปรปรวนของสิ่งทดลองโดยวิธี Analysis of Variance และวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยวิธี Duncan’s New Multiple Range Test (DMRT) การศึกษาการผลิตและการใช้ประโยชน์จากน้ำส้มควันไม้ในจังหวัดปทุมธานี มีประชากรที่ศึกษา 3 กลุ่ม คือ ผู้ผลิต ผู้ผลิตและใช้ และผู้ใช้น้ำส้มควันไม้ จำนวน 60 คน กลุ่มที่1เก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์จากผู้ผลิตน้ำส้มควันไม้เพื่อการค้า กลุ่มที่ 2 และ 3 เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามเกี่ยวกับการผลิตและการใช้น้ำส้มควันไม้ ผลการศึกษา การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ในสภาพแปลงเพื่อควบคุมด้วงหมัดผักของคะน้า พบว่า จำนวนด้วงหมัดผักที่พบในคะน้าที่ฉีดพ่นด้วย สารเคมีกำจัดแมลง โพรฟีโนฟอส มีจำนวนน้อยที่สุดและแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กับสิ่งทดลองทั้งหมด น้ำส้มควันไม้ที่อัตราความเข้มข้น 1:50ให้ผลในการควบคุมด้วงหมัดผักคะน้ารองลงมา และพบด้วงหมัดผักในจำนวนมากที่สุดในสิ่งทดลองควบคุมน้ำเปล่า สำหรับความสูงเฉลี่ยของคะน้า ก่อนการเก็บเกี่ยว มีความแตกต่างทางสถิติ ระหว่างสิ่งทดลองโดยคะน้าที่ฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ อัตรา 1:150 มีความสูงมากที่สุด คือ 23.15 เซนติเมตร คะน้าที่ฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ อัตรา 1:500 มีความสูงน้อยที่สุด ( 21 เซนติเมตร ) ส่วนน้ำหนักสดเฉลี่ยคะน้า จากสิ่งทดลองที่ฉีดพ่นด้วย สารเคมีกำจัดแมลง มีน้ำหนักสูงสุด แต่ไม่แตกต่างทางสถิติกับน้ำหนักสดเฉลี่ย จากสิ่งทดลองที่ฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ 1:50 1:100 และ 1:150 ส่วนน้ำหนักสดของคะน้า จากสิ่งทดลองน้ำส้มควันไม้ อัตรา1:750 มีค่าต่ำสุดแต่ไม่แตกต่างทางสถิติกับน้ำหนักสดเฉลี่ยจากสิ่งทดลองควบคุม (น้ำเปล่า) ผลการศึกษาจากกลุ่มประชากรผู้ผลิตน้ำส้มควันไม้เพื่อการค้า พบว่า ไม้ที่นิยมใช้ผลิตน้ำส้มควันไม้มากที่สุด คือ สะเดารองลงมา คือ ยูคาลิปตัส ไม้ลำไย กาบและกะลามะพร้าว ปริมาณการผลิตประมาณ 2,070 ลิตร ต่อเดือน มีรายได้ประมาณ 76,000 บาท มีตลาดรับซื้อผลผลิตน้ำส้มควันไม้ คือ ตลาดไท และสี่มุมเมือง เป็นส่วนใหญ่ ขายส่งเฉลี่ยราคา 66 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีก เฉลี่ย 108 บาทต่อลิตร ข้อมูลจากกลุ่มประชากรผู้เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำส้มควันไม้ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร รองลงมา คือการใช้ในครัวเรือนการใช้ในการเกษตร เป็นการใช้เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืช รองลงมาคือใช้เป็นสารเร่งการเจริญเติบโต ใช้ด้านปศุสัตว์ และใช้เพื่อการปรับปรุงดิน ตามลำดับ ข้อมูลจากผู้ใช้น้ำส้มควันไม้เพียงอย่างเดียวพบว่า มีการใช้น้ำส้มควันไม้กับผักกินใบมากที่สุด ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ใช้ซื้อน้ำส้มควันไม้จากร้านเคมีเกษตร และใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก เพื่อป้องกันกำจัดแมลง อัตราส่วนของน้ำส้มควันไม้ต่อน้ำที่ใช้ คือ 1:50 -1:200 ฉีดพ่นทุก7-15 วัน

The reduction of chemical application in agriculture is very popular nowadays. The Pyroligneous acid or wood vinegar was one of the most popular products to replace chemicals. There were several agencies providing advice on how to use and promote the use of wood vinegar while lack of the information on the actual application and the users were reported. Hence, this research aimed to study the production of wood vinegar and its utilization as well as the efficiency test of wood vinegar to control flea beetles in kale cultivation. In the study of the effectiveness of wood vinegar for controlling the flea beetle in kale. The treatments were the wood vinegar in water at various ratios: 1:50, 1: 100, 1: 150, 1: 200, 1: 300, 1: 500, 1: 750 and 1: 1000. The controlled factors were water and profenofos insecticides at concentration of 30 ml per 20 liters of water. The experiment was manipulated 3 repetitions. All solutions were sprayed every 7 days. The number of flea beetles on the sticky yellow trap (20 sheets per a repetition) was counted. The height and the fresh weight of kale were recorded after spraying. The analysis of variance was used for variation analysis of the treatment and the Duncan’s New Multiple Range Test (DMRT) method was used for the means comparison analysis. Three groups of the population (60 in total) were included in the study of production and utilization of wood vinegar in PathumThani: producers, producers and users, and users. The information related to the producers was collected by interviewing. For the producers and users, and the users, the data was collected by a questionnaire on the production and the use of wood vinegar. the Completely Randomized Design (CRD) was used. The study of the efficiency of wood vinegar to control the flea beetles of kale showed that the number of beetles found in kale sprayed by the profenofos insecticides was minimal and it was statistically significantly different to all of the other trials. Wood vinegar at a concentration of 1:50 showed the best control of flea beetles in kale. The largest number of flea beetles was mostly found in water solution. The average height of kale before harvesting showed statistically significant difference to all treatments. The kale sprayed by wood vinegar at 1: 150 ration had the highest height of 23.15 cm. The kale with the application of 1: 500 of wood vinegar: water had the least height (21 cm). The average fresh weight of kale sprayed by insecticide had the maximum weight. However, it showed a non-significant difference to the average weight from the trials with wood vinegar at 1:50, 1: 100 and 1: 150 ratio. The fresh weight of kale from the wood vinegar at 1: 750 ratio showed the least weight one with a statistically non-significant difference to the control experiment (water). The study of the commercial wood vinegar producers revealed that the popular woods used for wood vinegar production were neem, eucalyptus, longan, coconut shell (mesocarp and endocarp). The production volume was approximately 2,070 liters per month and resulted in 76,000 Baht income. The markets for wood vinegar were Ta-lad Thai market, and the See-Mum-Meang wholesale market. The average wholesale price was 66 Baht per liter and the average retail price was 108 Baht per liter. The database showed that both producers and users used wood vinegar mostly for agricultural purposes, followed by household use. For agricultural purposes, it was used for pest prevention, growth stimulator of plants and livestock, and soil improvement respectively. The information obtained from the users alone indicated that the wood vinegar was mostly used for leafy vegetables. Approximately 70% of the users bought the wood vinegar from the agrochemicals shops and applied it as indicated on the label instructions for insect control. The ratio of wood vinegar to water for spraying was 1:50 -1: 200 and sprayed every 7-15 days.

Download : Efficacy of Wood Vinegar for Controlling Flea Beetle and Studies of Wood Vinegar Production and Utilization in Pathum Thani Province