The Survey of People’s Understanding for the Computer Crime Law on Computer and Internet : Case Study GMM Grammy Company Limited
โดย กมลวรรณ สุภวัฒนชัย
ปี 2551
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจของประชาชนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ศึกษาช่องทางในการรับข่าวสารพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ของประชาชนและศึกษาลักษณะการใช้คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของประชาชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษามีจำนวน 357 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลนำเสนอในรูปของ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้Independent T-test และ One-way ANOVA และ Crosstab ในการทดสอบสมมติฐาน ซึ่งประมวลผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิเคราะห์ทางสถิติ ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลความรู้ความเข้าใจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ดังกล่าว ในการใช้คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในระดับที่ รู้ มากที่สุด 3 ระดับ ได้แก่การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก รู้ คิดเป็นร้อยละ 62.2 การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก รู้ คิดเป็นร้อยละ 61.9 และการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก รู้ คิดเป็นร้อยละ 60.8 แต่มีเรื่องที่กลุ่มตัวอย่างมีระดับความรู้ความเข้าใจในระดับที่ ไม่รู้ คือ เรื่องการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรซึ่งต้องรับโทษในราชอาณาจักร คิดเป็นร้อยละ 73.7
การทดสอบสมมติฐานทางด้านประชากรศาสตร์ สรุปได้ว่า แผนกที่แตกต่างกันมีผลทำให้ความรู้ความเข้าใจต่อพระราชบัญญัติแตกต่างกัน โดยพบว่า แผนกธุรกิจด้านสื่อ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติที่แตกต่างกันจากแผนกอื่นๆ ในเรื่องการล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงและนำไปเปิดเผยโดยมิชอบ การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศการปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การลงโทษในการกระทำความผิดของผู้ใช้บริการ ในกรณีที่ให้ความร่วมมือ , สนับสนุนให้ผู้ใช้บริการกระทำผิดและการเผยแพร่ภาพจากการตัดต่อหรือดัดแปลงให้ผู้อื่นดูหมิ่นหรืออับอาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05